7 ปัจจัยสำคัญของการจัดระบบโลจิสติกส์ บน Cloud
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจหลายแห่งทั่วโลกได้พัฒนาจากใช้งานระบบดั้งเดิมมาสู่การใช้แพลตฟอร์มบน Cloud เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงระบบวางแผนทรัพยากรองค์กรที่สำคัญอย่าง ERP (Enterprise Resource Planning)
📍 ประโยชน์ของการย้ายจากระบบแบบเดิมไปยัง Cloud นั้น จะช่วยให้การทำงานขององค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านความยืดหยุ่น ความรวดเร็ว และช่วยลดการบำรุงรักษา รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านไอที และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่จำเป็น
📍 เมื่อองค์กรปรับเปลี่ยนไปใช้โซลูชั่นบน Cloud ในกรณีที่มีข้อผิดพลาด ก็สามารถทำการกู้คืนระบบได้ทันท่วงที อีกทั้ง ยังมีข้อได้เปรียบที่สำคัญสำหรับกลุ่มการค้า การขนส่ง (ชิปปิ้ง) และโลจิสติกส์ทั่วโลกที่คุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว วันนี้ขอนำเสนอ 7 ปัจจัยของระบบ Cloud ที่มีข้อได้เปรียบที่สำคัญสำหรับการค้า การขนส่ง และโลจิสติกส์ทั่วโลก ดังต่อไปนี้
1. การอัปเดตข้อมูลการค้าแบบเรียลไทม์
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการใช้โซลูชั่นการดำเนินการด้านการค้าและการขนส่งบน Cloud คือ ช่วยหลีกหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในการปฏิบัติงานที่มีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากระบบปฏิบัติบน Cloud เป็นการใช้เทคโนโลยีทำงานแทนคน โอกาสผิดพลาดจึงเกิดขึ้นได้น้อยกว่า และมีความเสถียรมากกว่า
2. การจัดการขอบเขตที่ดีขึ้น
แต่ละอุตสาหกรรมมีลักษณะเฉพาะในด้านโลจิสติกส์ การผลิต และการจัดหาซัพพลายเออร์ โซ่อุปทานบน Cloud จึงสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับอุตสาหกรรมของคุณได้ ทั้งต่อการขนส่งสินค้า(ชิปปิ้ง) คลังสินค้า กฎระเบียบการนำเข้าส่งออก ซึ่งการปรับแต่งดังกล่าวจะนำไปสู่ความพึงพอใจของลูกค้า นอกจากนี้ ยังลดจำนวนทรัพยากรที่สิ้นเปลือง และช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3. การบริหารเวลาที่ดีขึ้น
การจัดการกับ Supply Chain บน Cloud จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากมีข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดและสามารถตอบสนองต่อปัญหาในกระบวนการโลจิสติกแบบเรียลไทม์ ระบบ Cloud มีจุดยืนยันการตรวจสอบและการอนุมัติที่จำเป็นสำหรับแต่ละส่วนของการดำเนินงาน จึงช่วยลดความเสี่ยงในการควบคุมและป้องกันความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคาม
4. ควบคุมต้นทุนได้ดีกว่า
สามารถจัดการ Supply Chain บน Cloud แบบเรียลไทม์ ทำให้การประมวลผลคำสั่งซื้อ คลังสินค้า การจัดการสินค้าคงคลัง การขนส่ง และการกำหนดราคาโดยรวม มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และราคาถูกลง เนื่องจากโลจิสติกส์บน Cloud เป็นรูปแบบ ‘Pay-Per-Use’ (จ่ายเมื่อใช้) จึงช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย รวมทั้งเป็นรูปแบบการสื่อสารแบบใหม่ ช่วยประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายในการประมวลผลข้อมูลโทรศัพท์ และอีเมล
5. การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ทุกธุรกิจมีแนวโน้มที่จะเพิ่มตำแหน่งทางการตลาด และปรับปรุงกระบวนการด้วยโซลูชั่น Cloud เพื่อเพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานใหม่หรือเพื่อลบคุณลักษณะที่ล้าสมัย แนวคิดใหม่นั้นง่ายต่อการปรับใช้ นี่เป็นโอกาสที่จะทดสอบความคิดที่ท้าทายด้วยค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ โลจิสติกส์บน Cloud มีเครื่องมือชี้วัดประสิทธิภาพการทำงานมากมาย (metric tools) ที่ไม่เพียงแค่ใช้เพื่อลดความซับซ้อนของรายงาน แต่ยังสามารถปรับปรุงข้อบกพร่องอื่นๆ ได้อย่างชาญฉลาด
6. รูปแบบการสื่อสารดีขึ้น
ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารและแบ่งปันความรู้ได้แบบเรียลไทม์ รองรับความเรียบง่ายและความแม่นยำของข้อมูล อีกทั้งการเข้าถึง Cloud จะถูกกำหนดตามบทบาทของผู้ใช้ในห่วงโซ่โลจิสติกส์ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด
7. จัดการทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น
โซลูชั่นบน Cloud สามารถใช้ติดตามยานพาหนะการขนส่งหรือพัสดุภัณฑ์และหีบห่อบรรจุภัณฑ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าของการจัดส่ง หรือติดต่อกับพันธมิตรคลังสินค้าเพื่อระบุปัญหา โซลูชั่นใหม่ๆ ยังถูกพัฒนาเพื่อใช้แก้ปัญหาเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ภายใน หรือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพิ่มระดับความปลอดภัยของธุรกิจได้อีกขั้น