บริการโลจิสติกส์จึงเป็นเรื่องเฉพาะทาง ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์สูง ซึ่งไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ อีกทั้งในปัจจุบัน แทบทุกอุตสาหกรรมธุรกิจจำเป็นจะต้องใช้บริการโลจิสติกส์เป็นจำนวนมาก หากธุรกิจไม่มีการดำเนินด้านโลจิสติกส์ที่ดีหรือไม่ได้ใช้บริการโลจิสติกส์จากผู้มีประสบการณ์โดยตรง ก็อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางธุรกิจได้เช่นกัน
ทำไมการที่เราใช้บริการโลจิสติกส์ที่เป็น Outsource จึงมีความสำคัญมาก โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 7 เหตุผลดังนี้
1. เพิ่มประสิทธิภาพของต้นทุน
ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ที่คุณจะดูแลรับผิดชอบธุรกิจของคุณ แล้วยังต้องมาจัดการกับความยุ่งยาก และความซับซ้อนของโลจิสติกส์อีก เพราะในปัจจุบันมีผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลายราย ที่สามารถจัดการความยุ่งยากเหล่านั้นแทนคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านกำลังรถขนส่งสินค้า คลังสินค้าในการสต็อคสินค้า และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในงานโลจิสติกส์
2. ลดงานในออฟฟิศ
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่เป็น Outsource อย่าง 3PL (Third Party Logistics) หรือผู้ให้บริการทางโลจิสติกส์รูปแบบต่างๆ แก่ลูกค้า เช่น ทำหน้าที่จัดส่งชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ ส่วนใหญ่ มักมีกำลังคนเพียงพอและระบบที่จำเป็นในการให้บริการด้านโลจิสติกส์อยู่แล้ว พวกเขาจึงสามารถประมวลผลได้พร้อมๆ กัน หลายพันรายการและตรวจสอบได้อย่างเหมาะสมภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งการจ้างงาน Outsource นั้น ก็เป็นเพียงการส่งมอบงานให้มืออาชีพทำแทน จึงช่วยลดงานในออฟฟิศหรืองานที่คุณจะต้องทำเองทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความถนัดมากนัก
3. ความพึงพอใจของลูกค้าที่ได้รับการปรับปรุง
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์หรือบุคคลที่สาม ไม่เพียงแต่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านโลจิสติกส์และเป็นเจ้าของพื้นที่สำหรับคลังสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการให้บริการด้านขนส่งด้วย นอกจากนี้ ยังมีความสามารถให้การให้บริการที่ยืดหยุ่นเพื่อเพิ่มความต้องการให้กับลูกค้า (เกี่ยวกับการขนส่ง) นอกจากนี้พวกเขายังสามารถคิดค้นแนวคิดและกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับลูกค้า รวมทั้งมอบประสบการณ์ที่ดี สิ่งนี้จะนำไปสู่ความพึงพอใจของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและสร้างพันธมิตร
4. ความเสี่ยงที่ลดลง
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ช่วยในการจัดการสัญญาของผู้ให้บริการ จัดการด้านความปลอดภัย และใบรับรองการประกันภัย บริษัทเหล่านี้จะมีเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการด้านการตรวจสอบกับผู้ให้บริการ ส่งใบแจ้งหนี้ หรือดำเนินการด้านความสะดวกต่างๆ เพื่อช่วยให้คุณสามารถสร้างเครือข่ายการขนส่งทั่วโลกได้โดยไม่มีความเสี่ยง อีกทั้งยังทำให้คุณมั่นใจถึงผลตอบแทนจากการลงทุนในครั้งนี้ด้วย
5. การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ทุกธุรกิจมีแนวโน้มที่จะเพิ่มตำแหน่งทางการตลาด และปรับปรุงกระบวนการด้วยโซลูชั่น Cloud เพื่อเพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานใหม่หรือเพื่อลบคุณลักษณะที่ล้าสมัย แนวคิดใหม่นั้นง่ายต่อการปรับใช้ นี่เป็นโอกาสที่จะทดสอบความคิดที่ท้าทายด้วยค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ โลจิสติกส์บน Cloud มีเครื่องมือชี้วัดประสิทธิภาพการทำงานมากมาย (metric tools) ที่ไม่เพียงแค่ใช้เพื่อลดความซับซ้อนของรายงาน แต่ยังสามารถปรับปรุงข้อบกพร่องอื่นๆ ได้อย่างชาญฉลาด
6. รูปแบบการสื่อสารดีขึ้น
ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารและแบ่งปันความรู้ได้แบบเรียลไทม์ รองรับความเรียบง่ายและความแม่นยำของข้อมูล อีกทั้งการเข้าถึง Cloud จะถูกกำหนดตามบทบาทของผู้ใช้ในห่วงโซ่โลจิสติกส์ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด
7. จัดการทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น
โซลูชั่นบน Cloud สามารถใช้ติดตามยานพาหนะการขนส่งหรือพัสดุภัณฑ์และหีบห่อบรรจุภัณฑ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าของการจัดส่ง หรือติดต่อกับพันธมิตรคลังสินค้าเพื่อระบุปัญหา โซลูชั่นใหม่ๆ ยังถูกพัฒนาเพื่อใช้แก้ปัญหาเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ภายใน หรือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพิ่มระดับความปลอดภัยของธุรกิจได้อีกขั้น